Nicardipine injection
ข้อบ่งใช้
ใช้ควบคุมความดันโลหิต
เมื่อยาลดความดันโลหิตชนิดรับประทานใช้แล้วไม่ได้ผล
หรือกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาได้
โดยใช้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และใช้ควบคุมความดันโลหิต
ในผู้ป่วยที่มีภาวะ Hypertensive crisis เช่น ในผู้ป่วยที่มีภาวะ
Eclamsia, Hypertensive encephalopathy
หรือในผู้ป่วยที่ต้องการลดความดันโลหิตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ
รูปแบบยาที่มีใช้ในโรงพยาบาล
- Nicardipine 2 mg/ 2 ml inj. in 1 ampule
- Nicardipine 10 mg/ 10 ml inj. in 1
ampule
ขนาดใช้ยา
- เริ่มต้นด้วยการเจือจางยาให้มีความเข้มข้นเป็น 0.1 mg/ ml
แล้วให้ยาในอัตราเร็ว 50 ml/ hr
จากนั้นสามารถเพิ่มขนาดยาได้อีกครั้งละ 25 ml/ hr ทุก 5 หรือ
15 นาที แล้วแต่ความรีบด่วนในการการลดความดันโลหิต
จนสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยได้
- ขนาดยาสูงสุดที่ใช้ห้ามเกิน 150 ml/ hr
เมื่อได้ระดับความดันโลหิตตามต้องการแล้ว
ให้ลดอัตราเร็วลงเหลือ 30 ml/ hr หรือ
ปรับขนาดยาตามความการตอบสนองของผู้ป่วย
แล้วเปลี่ยนเป็นยารับประทาน
วิธีการผสมและความคงตัวของยา
เจือจางยาได้ในน้ำเกลือทุกชนิด ยกเว้น Ringers lactate
solution โดยนำยา 1 amp. ( 10 mg/ 10 ml )ละลายในสารละลายปริมาตร
90 ml เพื่อให้ได้ความเข้มข้น 0.1 mg/ ml
ซึ่งสารละลายที่เจือจางแล้ว จะมีความคงตัวได้ 24 ชม.
ที่อุณหภูมิห้อง
Monitoring
- Blood pressure และ Heart rate ในระหว่างการให้ยา
และหลังจากการให้ยาแล้ว
|
อาการเมื่อได้รับยาเกินขนาด
- Hypotension, Bradycardia, Slurred speech, Flushing,
ใจสั่น, สับสน, ซึมเศร้า
แนวทางการสั่งใช้ยา
- แพทย์ควรระบุชื่อยาให้ชัดเจน ไม่ใช้ชื่อย่อ
กำหนดอัตราเร็วในการให้ยาและความเข้มข้นของสารละลายให้
- เนื่องจากยามีผลต่อหลอดเลือดและการเต้นของหัวใจ
ดังนั้นแพทย์ควรสั่งใช้ยาด้วยความระมัดระวังในกลุ่มผู้ป่วย
CHF, CHD
แนวทางการจ่ายยาและการบริหารยา
- ตรวจสอบชื่อยาอย่างระมัดระวัง
หากคำสั่งหรือลายมือแพทย์ไม่ชัดเจน
ต้องปรึกษาแพทย์ผู้สั่งใช้ยาเพื่อยืนยันคำสั่งอีกครั้ง
- เนื่องจากเป็นยาฉุกเฉิน
จึงควรมีการตรวจสอบทั้งปริมาณและคุณภาพของยา
ให้พร้อมใช้อยู่เสมอ
- กรณีที่ให้ยาทางหลอดเลือดดำส่วนปลาย
ควรมีการเปลี่ยนตำแหน่งให้ยาทุก 12 ชม.
อ้างอิง :
- 1.Lacy CF, Armstrong LL, Goldman MP, Lance LL. Drug
information handbook. 12th ed. Ohio: Lexi-Comp; 2004 2005.
p. 1089 -91.
- 2.Gahart BL, Nazareno AR. 2005 Intravenous medications.
21st ed. Philladephia: mosby; 2005. p 851 53.
|